อันตรายจากรังสียูวี (UV)

แสงแดดคือหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังได้หลายประการ เช่น

เป็นสิว

ผิวหนังเมื่อเผชิญแสงแดด อาจทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งและกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตน้ำมันขึ้นมาชดเชย ซึ่งมักทำให้เกิดปัญหารูขุขมขนและสิวเกิดขึ้นตามมาได้ รวมถึงปัญหารอยดำจากสิวที่จะเข้มขึ้นเมื่อเผชิญแสงแดด

ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย

แสงแดด เป็นตัวการที่ทำร้ายผิวอั นดับต้นๆ หากไม่ใช้ครีมกันแดด อาจมีความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงริ้วรอยต่างๆ มากกว่าคนที่ทาครีมกันแดดอย่างชัดเจน

ผิวไหม้ แสบ ลอก (Sunburn)

ระดับของรังสียูวีในแดดที่เข้มข้นขึ้น อาจทำให้ผิวไหม้ แดง แสบ ลอก ส่วนใหญ่เกิดจากรังสียูวีบี มีลักษณะผิวสีแดง เจ็บและพุพอง อาการเหล่านี้อาจไม่ปรากฏขึ้นทันที อาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง และเมื่อเกิดการสะสมเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดปัญหามะเร็งผิวหนัง หรือโรคผิวหนังอื่นๆ เช่น ฝ้า ผื่นแดงคันตามผิวหนัง

แสงยูวีจริงๆแล้วมีอยู่ 3 ประเภท

1.รังสียูวีซี (UVC) – รังสีอัลตราไวโอเลตในช่วง UVC มีพลังงานสูงที่สุดและที่สำคัญคือเป็นแสงที่อันตรายที่สุด โชคดีที่ชั้นบรรยากาศโอโซนได้กันแสงเหล่านี้ไว้ในระดับที่สายตาเรามองไม่เห็น แต่ปัจจุบันนี้พบว่ารังสี UVC ก็สามารถทะลุชั้นโอโซนมายังพื้นโลกได้ เกิดจากมนุษย์ได้สร้างมลพิษกับสิ่งแวดล้อมจนไปทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนให้บอบบางลง

2.รังสียูวีบี (UVB) – เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นประมาณ 290 to 300 นาโนมิเตอร์ จะมีพลังงานที่น้อยกว่ารังสี UVC มีประมาณ 5% ในแสงอาทิตย์ ชั้นบรรยกาศโอโซนสามารถกันรังสี UVB ไว้ได้ระดับนึงแต่ไม่หมดดังนั้นแสงรังสี UVB ที่ผ่านเข้ามาได้จะมีผลกระทบกับเรา ถึงแม้รังสี UVB จะไม่สามารถทะลุสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกได้ แต่สามารถทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียมได้

3.รังสียูวีเอ (UVA) – เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยกว่า UVB และ UVC มีความยาวคลื่นประมาณ 320-400 นาโนมิเตอร์ จะสามารถผ่านเข้ากระจกตาและผ่านเข้าไปถึงเลนส์ตาและเยื่อชั้นในของลูกตา การที่ดวงตาของเราโดนแสงจากรังสี UVA มากๆอาจจะส่งผลให้เกิดโรคต้อต่างๆได้และมีผลต่อการเสื่อมสภาพของเซลล์เยื่อชั้นในของลูกตา ในระยะยาวเชื่อกันว่าหากได้รับรังสี UVA มากๆ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส

วิธีป้องกันอันตรายจากแสงแดด

– หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นช่วงที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังมากที่สุด

– ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม (2 มิลลิกรัมต่อ 1 ตารางเซนติเมตรของผิวหนัง) ก่อนออกแดด 15 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป

-หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมเสื้อผ้าที่มีความหนา สีเข้ม และมิดชิด รวมทั้งสวมหมวก และกางร่มกัน UV